Q & A โครงการทัวร์เที่ยวไทย

เรียนท่านสมาชิกสมาคม สทน.

 

ตามที่ได้มีการพบปะท่านผู้ว่าการ ททท. ผ่าน Webinar Zoom ในการพูดคุยเจาะลึกโครงการทัวร์เที่ยวไทยนั้น สมาคมฯ ได้รวบรวมคำถามไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านสมาชิกสมาคมฯ ดังนี้

 

 

Q.1 หากใบอนุญาตหมดอายุ หรือ จดทะเบียนหลัง 1 ม.ค. 2563 จะเข้าร่วมโครงการได้ไหม
A : บริษัทนำเที่ยวที่จะเข้าร่วมโครงการ ต้องจดทะเบียนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เท่านั้น หากบริษัททัวร์ที่ใบอนุญาตหมดอายุ หรือ ต่ออายุแล้วเป็นเลขอนุญาตใหม่ กรุณาส่งเรื่องมาที่สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) Email : adtthailand01@gmail.com เพื่อยื่นเรื่องประสานงานกับ ททท.ต่อไป

Q.2 การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการต้องทำอย่างไร
A : ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนถุงเงินได้กับธนาคารกรุงไทยทุกสาขา โดยจะต้องเป็นถุงเงินในนามบริษัททัวร์เท่านั้น หากเคยเปิดถุงเงินในนามบริษัทไว้แล้วสำหรับโครงการอื่นสามารถนำมาใช้ได้ แต่จะต้องเป็นถุงเงินที่ใช้งานสำหรับบริษัททัวร์เท่านั้น เพื่อเข้าร่วมโครงการ หลังจากที่ระบบเปิดจะสามารถอัปโหลดโปรแกรมและใส่รายละเอียดต่างๆ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

Q.3 การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการของนักท่องเที่ยวต้องทำอย่างไร
A : นักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้สิทธิโครงการจะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยจะต้องเปิดแอพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย โดยทำการสแกนใบหน้า ยืนยันบัตรประชาชน และตั้งรหัสผ่านเพื่อเข้าระบบ จากนั้นสามารถจะจองสิทธิได้โดยการเลือกโปรแกรมทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

Q.4 ขั้นตอนการจองทัวร์จะต้องทำอย่างไร
A : หลังจากที่นักท่องเที่ยวได้ทำการเลือกโปรแกรมบนหน้าเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย แล้วเรียบร้อย จะต้องทำการติดต่อ เพื่อทำการจองกับบริษัททัวร์นั้นๆ และเลือกพีเรียดที่ต้องการจะเดินทาง โดยการยืนยันรับสิทธินั้น จะต้องชำระเงินค่าทัวร์เต็มจำนวน (60% ของราคาทัวร์) ให้แก่บริษัททัวร์ก่อน จึงจะสำเร็จขั้นตอนการรับสิทธิ

Q.5 หากต้องการยกเลิกการเดินทางหลังจากที่จองทัวร์แล้วจะได้ไหม
A : กรณีที่ต้องการยกเลิกการเดินทางสามารถทำได้ หากยังไม่ได้ชำระเงินเพื่อรับสิทธิของโครงการ แต่หากชำระเงิบรับสิทธิแล้ว ไม่สามารถยกเลิกการเดินทางได้ทุกกรณี

Q.6 ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการอย่างไรในการลงโปรแกรมทัวร์ในเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย
A : บริษัททัวร์สามารถกรอกข้อมูลรายละเอียดทัวร์ได้บนเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย หลังจากที่ระบบเปิดแล้ว จากนั้นสามารถใส่รายการนำเที่ยวได้ไม่เกิน 30 รายการต่อ 1 บริษัทและจะต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ (ไม่ระบุ Provider) สมัครเป็น “ถุงเงินย่อย”เพื่อใช้ผูกกับรายการเดินทางนั้นๆ โดยจะต้องระบุรายละเอียดการเดินทางให้ครบถ้วน อาทิเช่น พาหนะการเดินทาง โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ให้เรียบร้อย จากนั้นคณะกรรมการจะตรวจสอบความคุ้มค่าของรายการ โดยที่รายได้ของบริษัท (Service Fee) จะต้องไม่เกิน 15 % ของค่าทัวร์ หลังจากที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ทางระบบจะส่งรายการที่ผ่านการตรวจสอบแล้วไปยังระบบของKTB เพื่อทำการลงทะเบียนรายการและนำรายการขึ้นไปยังเว็บไซต์ต่อไป

Q.7 รายการที่ลงขายบนหน้าเว็บไซต์แล้วสามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ไหม
A : รายการที่ผ่านการตรวจสอบและลงขายบนหน้าเว็บไซต์แล้ว ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ทุกกรณี หากต้องการแก้ไขรายการสามารถทำได้โดยการอัปโหลดโปรแกรมใหม่เข้าไปแทนที่ แต่จะต้องใช้เวลาพิจารณาเท่ากับการลงในขั้นตอนปกติ

Q.8 รายการนำเที่ยวที่ขายบนเว็บไซต์จะต้องระบุวันที่เดินทางไหม
A: รายการนำเที่ยวที่ขายจะไม่ต้องระบุวันที่เดินทาง ลงรายละเอียดเดินทางทุกอย่างให้ครบถ้วน ลูกค้าสามารถเลือกช่วงเวลาเดินทางได้โดยการสอบถามไปยังบริษัททัวร์ จากนั้นจึงทำการจองผ่านบริษัททัวร์

Q.9 รายการนำเที่ยวเดินทางไปจังหวัดไหนได้บ้างและต้องเดินทางขั้นต่ำกี่วัน
A: สามารถเดินทางได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย โดยจะต้องเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดจากต้นทาง และระยะเวลาเดินทางจะต้องไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน ต่อ 1รายการ

Q.10 บริษัททัวร์จะต้องตั้งราคาอย่างไร
A: ราคาที่ตั้งขายจะต้องอิงกับต้นทุนที่นำส่งไปตรวจสอบความคุ้มค่า โดยจะมีรายได้ (Service Fee) ไม่เกินกว่า 15% ทั้งนี้โครงการไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำในการลงขาย แต่ภาครัฐจะสนับสนุนสูงสุดไม่เกิน 40% ของราคา 12,500 บาท กล่าวคือ ภาครัฐจะสนับสนุนในวงเงินไม่เกิน 5,000 บาทต่อ 1 สิทธิ โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับสิทธิ 40% จากยอดนั้นๆ หากมีการกำหนดราคาที่เกิน 12,500 บาท สามารถทำได้ แต่ทางภาครัฐจะสนับสนุนเพียง 5,000 บาทต่อสิทธิ

Q.11 การชำระเงินสามารถชำระได้ทางช่องทางไหนได้บ้าง
A: การชำระเงินเป็นจะต้องดำเนินการผ่าน “เป๋าตัง” ของนักท่องเที่ยว ไปยัง “ถุงเงิน” ของผู้ประกอบการเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเติมเงินเข้า “เป๋าตัง” ของตนเองโดยวิธีการโอนเงิน หรือ ชำระผ่านบัตร (ตามที่ระบบG-Wallet รองรับ) ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง https://krungthai.com/Download/generalcontent/MediaFile_2487paotang_user_manual_V.1.2_Phase2_291019_Sendout.pdf

Q.12 ระยะเวลาการเดินทางและการใช้สิทธิได้ถึงเมื่อไหร่
A: สิทธิทั้งโครงการจะมีทั้งหมด 1,000,000 สิทธิ โดยสามารถตรวจสอบสิทธิคงเหลือได้บนหน้าเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย โดย 1 บริษัทสามารถรับสิทธิได้ไม่เกิน 1,000 สิทธิ และ ระยะเวลาการเดินทางจะต้องไม่เกิน  31 ตุลาคม 2564 จะต้องเป็นวันสุดท้ายของการเดินทาง ทุกรายการเดินทางสามารถเดินทางได้ทุกวันจันทร์-อาทิตย์

Q.13 การใช้สิทธิของโครงการทัวร์เที่ยวไทย สามารถใช้โครงการอื่นควบคู่ได้ไหม
A: สิทธิของโครงการทัวร์เที่ยวไทยไม่สามารถใช้สิทธิอื่นควบคู่ไปพร้อมกันได้ เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน สามารถใช้ได้ทั้งสองสิทธิแต่จะต้องไม่เดินทางไปพร้อมกัน

Q.14 รายการเดินทางจะต้องระบุอะไรบ้างสำหรับบริษัททัวร์ 
A: รายการเดินทางจะต้องระบุข้อมูลทุกอย่างให้ชัดเจน เช่น เดินทางโดยพาหนะอะไร ชื่อร้านอาหาร ชื่อโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ วงเงินประกันอุบัติเหตุ  และจะต้องมีมัคคุเทศก์คอยดูแลคณะในทุกรายการที่เดินทาง

Q.15 บริษัททัวร์จะต้องดำเนินการอย่างไรในระหว่างเดินทาง
A: บริษัททัวร์จะต้องนำซิมการ์ดที่ลงทะเบียน “ถุงเงินย่อย” และผูกไว้กับรายการทัวร์ให้เจ้าหน้าที่มัคคุเทศก์เข้า Application “ถุงเงิน” โดยใช้เบอร์ที่ผูกดังกล่าว เพื่อนำ “ถุงเงินย่อย” นั้น สแกนไปยัง “เป๋าตัง” ของนักท่องเที่ยวที่จองรายการนำเที่ยวนั้นๆ เพื่อยืนยันการใช้สิทธิ จะต้องทำในวันแรกของการเดินทางและวันสุดท้ายของการเดินทางและจะต้องมีการสแกนหน้านักท่องเที่ยวควบคู่กันด้วย โดย “ถุงเงินย่อย” ที่จะสแกนนั้นจะต้องตรงกับ “ถุงเงินย่อย” ที่ลงทะเบียนรายการนำเที่ยวที่จะเดินทางไว้ และ “เป๋าตัง” ลูกค้าจะต้องเป็นเป๋าตังที่จองสิทธิรายการเดินทางที่ตรงกันเท่านั้น และเจ้าหน้าที่มัคคุเทศก์จะต้องมีหน้าที่ในการสแกนยืนยันเส้นทางตามที่ระบุไว้ในรายการ อาทิเช่น ร้านอาหารและโรงแรม โดยการสแกน “ถุงเงินย่อย” ของรายการนั้น ไปยัง “ถุงเงิน” ของร้านอาหาร สถานที่ละ 1 ครั้ง (ไม่ต้องสแกนหน้า)

Q.16 เจ้าหน้าที่มัคคุเทศก์ทำการสแกนผิดหรือทำผิดขั้นตอนจะต้องทำอย่างไร
A: หากมีการทำผิดขั้นตอนหรือสแกนผิดสถานที่ ระบบจะไม่ชำระเงิน 40% ให้แก่บริษัททัวร์ ดังนั้นหากเกิดกรณีที่ผิดพลาด จะต้องทำการดำเนินส่งหลักฐานและคำชี้แจงไปยังทีมตรวจสอบความผิดพลาดอีกรอบ เพื่อที่จะให้ดำเนินการพิจารณาในขั้นตอนที่มีการผิดพลาด ส่งอีเมลที่ tourteawthai@tat.or.th

Q.17 บริษัททัวร์จะได้รับเงินสนับสนุน 40% เมื่อไหร่
A: บริษัททัวร์จะได้รับเงินสนับสนุน 40% หลังจากที่คณะเดินทางเสร็จสิ้น และมีการดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จะใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน ในการที่จะโอนเงินสนับสนุนเข้าไปยัง “ถุงเงิน” ที่ทางบริษัทได้เปิดไว้กับธนาคารกรุงไทยข้างต้น

Q.18 หากต้องการลงรายการนำเที่ยวครบ 30 รายการ จะต้องใช้กี่ซิมในการผูกกับรายการเดินทาง
A: หากต้องการลงรายการเดินทางจำนวนมาก จะต้องเตรียมซิมการ์ดที่สามารถใช้งานได้ตามจำนวนรายการที่จะต้องการลงขาย โดยที่รายการสามารถทยอยลงบนหน้าเว็บไซต์ได้ไม่จำเป็นจะต้องลงทีเดียวให้ครบ 30 รายการ

Q.19 ราคาทัวร์จะต้องรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เลยไหม
A: ราคาทัวร์ทุกรายการจะต้องรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ทุกรายการ หากบริษัทไม่มีการจดภาษีมูลค่าเพิ่มให้ดำเนินการจดก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยกรมสรรพกร อาจจะมีการตรวจสอบย้อนหลังได้ หากท่านไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่มและเข้าร่วมโครงการ โดยที่โครงการดังกล่าวนี้ทางภาครัฐจะงดเว้นภาษีให้เงินได้ให้เป็นกรณีพิเศษ สามารถศึกษาเรื่องภาษีเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rd.go.th/

Q.20 บริษัททัวร์จะต้องมีมาตรฐานการเดินทางภายใต้สถานการณ์โควิดหรือไม่
A: บริษัททัวร์จะต้องดำเนินการจัดบริการทัวร์ในภาคใต้เงื่อนไขสถานการณ์โควิดดังเดิม โดยที่ทาง ททท.ได้มีมาตรฐานในการดำเนินการให้แล้ว ภายใต้ชื่อ SHA โดยสามารถรับการประเมินมาตรฐาน สามารถสมัครหรือตรวจสอบข้อมูลได้ที่ https://www.thailandsha.com/index

Q.21 หลังจากเดินทางเสร็จแล้วจะต้องเก็บหลักฐานการเดินทางไว้ไหม
A: บริษัททัวร์จะต้องเก็บหลักฐานในทุกคณะเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบิน ใบเสร็จโรงแรมและร้านอาหาร หลักฐานการส่งประกัน รูปถ่ายนักท่องเที่ยว และอื่นๆไว้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน หากมีการเรียกตรวจสอบเพิ่มเติมในภายหลังไม่ว่าจะดำเนินการถูกต้องแล้วก็ตาม และ จะต้องออกใบกำกับภาษีให้กับทางนักท่องเที่ยว